สระบุรี – “ปลัดเก่ง” มหาดไทยพร้อม ส.ส.องอาจและผู้ว่าฯบัญชา เปิดงาน “งานประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา และถวายเทียนพรรษาพระราชทาน ประจำปี 2567”

สระบุรี – “ปลัดเก่ง” มหาดไทยพร้อม ส.ส.องอาจและผู้ว่าฯบัญชา เปิดงาน “งานประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา และถวายเทียนพรรษาพระราชทาน ประจำปี 2567”

 
วันทึ่ 20 กรกฎาคม 2568 นายองอาจ วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรีเขต 4 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายธนกฤต อัตถะสัมปุณณะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีพร้อมนายอำเภอและส่วนราชการจังหวัดสระบุรีไปร่วมในพิธีเปิดงานสมโภช 400 ปีวัดพระพุทธบาทวรราชมหาวิหารและงานย้อนตำนานสระบุรี สืบสานประเพณีหนึ่งเดียวในโลกกับประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษาและถวายเทียนพรรษพระราชทานประจำปี 2567 และประเพณีล้างเท้าพระ ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรมนับเป็นประเพณีอันเก่าแก่ที่ควรแห่งการอนุรักษ์ยิ่ง เพราะหนึ่งปีมีหนึ่งครั้งมีเพียงแห่งเดียวที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จนชื่อว่า”เป็นประเพณีหนึ่งเดียวในโลก” โดยมีสื่อมวลชนพี่น้องพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย และต่างประเทศเข้าร่วมงานจำนวนมากที่บริเวณถนนสายคู่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

 
พิธีได้เริ่มขึ้นในเวลา 16.30 น.โดยที่ขบวนพยุหยาตรา ขบวนเจ้าเมืองสระบุรี ขบวนเทียนพรรษาพระราชทาน ขบวนรถบุปผชาติ และขบวนขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของชาวจังหวัดสระบุรี เคลื่อนขบวนผ่านเข้าสู่ถนนคู่เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่เข้าสู่ถนนลานธรรมจักร สู่มณฑปรอยพระพุทธบาทโดยมีพี่น้องประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมากยืนรอชมขบวน พร้อมเก็บภาพที่ยิ่งใหญ่เต็มฝั่งสองข้างทาง
จากนั้นเวลา 19.00 น.เข้าสู่ช่วงการเปิดงานอน่างเป็นทางการ นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน จากนั้นนายสิทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานกล่าวเปิดงานตักบาตรดอกเข้าพรรษา และถวายเทียนพรรษาพระราชทาน ประจำปี 2567 พร้อมนำพี่น้องพุทธศาสนิกชนร่วมตักบาตรดอกเข้าพรรษาเพื่อให้พระสงฆ์ได้นำดอกไม้นั้นไปบูชารอยพระพุทธบาทอีกต่อหนึ่งและประกอบพิธีล้างเท้าพระเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษาเป็นประเพณีสำคัญของชาวสระบุรีที่ทุกท่านไม่ควรพลาด ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องตักบาตรดอกเข้าพรรษา ที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตสืบไป

 
หลังจากที่พระภิกษุสงฆ์เดินรับบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชนแล้ว จะนำดอกเข้าพรรษาไปสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งเชื่อกันว่าจะส่งผลบุญให้ผู้ทำบุญตักบาตรได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ “ดอกเข้าพรรษา” หนึ่งปี จะออกดอกเพียงครั้งเดียว เฉพาะในช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษาเท่านั้น เมื่อถึงวันเข้าพรรษา คือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ชาวอำเภอพระพุทธบาทจะพากันไปเก็บดอกเข้าพรรษาตามไหล่เขาโพธิลังกาหรือเขาสุวรรณบรรพต เทือกเขาวง และเขาพุ ในเขตอำเภอพระพุทธบาท นำดอกเข้าพรรษามาจัดรวมกับธูปเทียนเพื่อใส่บาตรถวายพระ
สำหรับดอกเข้าพรรษาเป็นดอกไม้ที่รู้จักกันดีในจังหวัดสระบุรี เพราะดอกเข้าพรรษาเป็นดอกไม้ที่จะออกดอกงดงามเพียงปีละครั้งในช่วงวันเข้าพรรษาเท่านั้น จนดอกเข้าพรรษากลายเป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้รู้ว่าวันเข้าพรรษาได้มาถึงแล้ว และชาวจังหวัดสระบุรีก็จะนำดอกเข้าพรรษานี้มาใส่บาตร ทำให้เกิดเป็นประเพณี “ตักบาตรดอกเข้าพรรษา” ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ซึ่งชาวอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เชื่อกันว่า การตักบาตรดอกเข้าพรรษา ที่วัดพระพุทธบาทราชวรวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐาน “รอยพระพุทธบาท” นี้ จะทำให้ได้บุญกุศลแก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญ

 
ปัจจุบันการตักบาตรดอกเข้าพรรษากลายเป็นประเพณีที่รู้จักกันมากขึ้นของคนต่างถิ่น และมีผู้คนเข้าร่วมร่วมประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษาที่จังหวัดสระบุรี กันเป็นอย่างมาก จนเป็นอีกหนึ่งจังหวัดท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้
สำหรับความหมายของดอกเข้าพรรษาตามความเชื่อทางพุทธศาสนาดอกเข้าพรรษา มี 3 สี ได้แก่ สีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนา สีเหลือง หมายถึง สีแห่พะสงฆ์ ส่วนสีม่วง เป็นสีที่หายากที่สุด และชาวอำเภอพระพุทธบาทเชื่อกันว่าการใส่บาตรด้วยดอกสีม่วงได้บุญกุศลแรง ที่สุด นอกจากนี้ยังให้ผู้มาร่วมงานได้ล้างเท้าพระอีกด้วย
สำหรับงานประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษาจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้ 19 กรกฎาคม ไปจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 ณ.วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สำหรับวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2567 จะมีพิธีตักบาตรดอกเข้าพรรษา และล้างเท้าพระวันละ 2 รอบ ในเวลา 09.00 น.และ เวลา 15.00 น.
นอกตากนี่ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน เช่น นิทรรศการ ดอกเข้าพรรษา การแสดง ของดี ของเด่น แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรี การแสดงวัฒนธรรมพื้นถิ่นการแสดงสินค้า OTOP และอื่นๆ อีกมากมาย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญ ของจังหวัดสระบุรี เพื่ออนุรักษ์ “ประเพณีหนึ่งเดียวในไทย ใหญ่ที่สุดในโลก” ให้คงอยู่สืบต่อไป
*********
กฤษฎา สมมาตร
รายงาน

Related posts